ปรากฎการบอลไทยฟีเวอร์
3 posters
หน้า 1 จาก 1
ปรากฎการบอลไทยฟีเวอร์
'จุดติด' อย่าตกหล่ม!
แม้ฤดูกาลนี้จะปิดฉากลงแล้ว รู้ผลทีมที่ได้เป็นแชมป์แล้ว แต่กระแสแห่งเกมการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก หรือ “ไทยพรีเมียร์ลีก” ก็ยังคงเซ็งแซ่ต่อเนื่อง ซึ่งในการแข่งขันฤดูกาลหน้า...น่าจะยิ่งคึกคักเข้มข้นขึ้นอีก
นี่ถือเป็นอีก “ปรากฏการณ์” ของวงการฟุตบอลไทย
เป็นปรากฏการณ์ที่หายไปนาน...และเพิ่งจุดติดอีก !!
ทั้งนี้ จริง ๆ แล้วลีกฟุตบอลอาชีพไทยก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพียงแต่ใช้เวลาตั้งไข่มายาวนานและที่ผ่านมาได้รับความสนใจน้อย โดยกับลีก ฟุตบอลอาชีพของประเทศไทยล่าสุดนั้น เริ่มจากแนวคิดของ ดร.วิจิตร เกตุแก้ว อดีตนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในปี 2539 เริ่มจากนำทีมที่แข่งขันฟุตบอลถ้วยพระราชทาน “ถ้วย ก” มาแข่งขันกันในระบบลีกภายใต้ชื่อ “ไทยลีก” หรือเปลี่ยนชื่อไปตามสปอนเซอร์ผู้สนับสนุน โดยมีจำนวนทีม 12 ทีม
ปี 2545 ได้ลดจำนวนเหลือ 10 ทีม ในปี 2549 เพิ่มเป็น 12 ทีมอีกครั้ง และในฤดูกาลปี 2550 เพิ่มทีมอีก 4 ทีม รวมเป็น 16 ทีม และคงจำนวนนี้เรื่อยมา ซึ่งทางการกีฬาแห่งประเทศไทยก็พยายามเอาโปรลีกรวมเข้ากับไทยลีกหลายครั้ง มีการนำทีมจากจังหวัดต่าง ๆ มาร่วมได้สำเร็จในปี 2550 และในปี 2552 นี้ก็เปลี่ยนชื่อลีกการแข่งขันเป็น “ไทยพรีเมียร์ลีก” โดยมีการวางระบบต่าง ๆ ทั้งด้านการแข่งขัน การจัดการทีม รวมถึงการเชียร์
แล้วกระแสคลั่งไคล้ฟุตบอลไทยของคนไทยก็ “จุดติด” อีกครั้ง แม้ว่าครั้งนี้สีสันที่สำคัญไม่น้อยจะอยู่ที่นักเตะอิมพอร์ตจากต่างชาติด้วย การแข่งขันแต่ละแมตช์มีผู้เข้าลุ้น-เข้าเชียร์ในสนามคึกคัก บางแมตช์ถึงขั้นสนามแทบแตก ซึ่งบรรยากาศแบบนี้ห่างหายไปนานจากวงการฟุตบอลเมืองไทย เพราะถูกฟุตบอลต่างประเทศดึงความสนใจไป ที่สำคัญกระแสคลั่งไคล้นี้ยังจุดติดถึงต่างจังหวัด-ถึงภาคธุรกิจด้วย
กับกระแสที่เกิดขึ้นนี้ จิรัฏฐ์ จันทะเสน เลขาธิการสมาคม ประวัติศาสตร์ฟุตบอลแห่งประเทศไทย บอกว่า... ขณะนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด และเป็นปรากฏการณ์ที่ต้องบันทึกลงในประวัติศาสตร์อีกบทหนึ่ง ของวงการฟุตบอลไทย ซึ่งนี่เสมือนกงล้อประวัติศาสตร์ โดยยุคทองฟุตบอลไทยเริ่มต้นขึ้นในปี 2458 ในสมัยรัชกาลที่ 6 โดยราย การแข่งขันฟุตบอลไทยเกิดขึ้นครั้งแรกในชื่อ “ฟุตบอลสำหรับพระราชทานถ้วยทองของหลวง” ณ สนามเสือป่า สวนดุสิต ถนนหน้าพระลาน มีทีมเข้าร่วมแข่งขัน 12 ทีม สามารถเก็บเงินค่าบัตรเข้าชมได้ 6,059.95 บาท
หลังจากนั้น หลังฟุตบอลไทยเงียบเหงาลง ความคึกคักมาเกิดอีกครั้งในช่วงปี 2506-2514 โดยมีทีมระดับแม่เหล็ก เช่น ราชประชา, ทหารอากาศ ดึงดูดแฟนบอลให้เบียดเสียดเข้าชมจนเกิดคำว่า “สนามแทบแตก” ได้อีกครั้ง แล้วต่อมาก็เงียบเหงาอีก จนมาถูกฟื้นฟูอีกในช่วงปี 2524-2528 โดยมี ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน เป็นแม่เหล็กแห่งยุค ก่อนที่กระแสจะซบเซาลงอีกหน แล้วความคลั่งไคล้ฟุตบอลไทยโดย คนไทยก็ฟุบยาว จนมาเริ่มฟื้นตัวในระยะปีสองปีมานี้ และเกิดกระแสฟีเวอร์-เปรี้ยงปร้างอย่างมากก็ในปีนี้ ดังที่เรา ๆ ท่าน ๆ ทราบ ๆ กัน
“กระแสตอบรับฟุตบอลอาชีพไทยขณะนี้ดีมากที่สุดในรอบหลายสิบปี ทำให้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ ๆ หลายอย่างขึ้น” ...จิรัฏฐ์ระบุ พร้อมทั้งบอกอีกว่า... ล่าสุดฟุตบอลไทยจุดติดจนทำให้เกิดปรากฏ การณ์ “ท้องถิ่นนิยม” ขึ้น จากเดิมที่มีแต่ปรากฏการณ์ “เมืองหลวงนิยม” ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการยกระดับมากขึ้น
“ตรงนี้จะก่อให้เกิดการพัฒนาที่ดีขึ้นในวงการ ท่ามกลาง กระแสฟุตบอลต่างประเทศที่เป็นเป้าสนใจใหญ่สุดของคนไทย แต่เรายังสามารถดึงให้คนไทยหันมาสนใจทีมท้องถิ่นได้ ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าสโมสรและนักเตะในไทยลีกมีการพัฒนาสู่ความเป็นมืออาชีพมากขึ้น มีการนำระบบบริหารทีมเข้ามาใช้ และให้ความสำคัญกับการตลาดเพิ่มขึ้น ซึ่งบรรยากาศแบบนี้เป็นก้าวย่างที่ดีของฟุตบอลไทย” ...จิรัฏฐ์ระบุ
อย่างไรก็ตาม เลขาธิการสมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลฯ บอกว่า... แม้กระแสในเวลานี้จะดีต่อการพัฒนาฟุตบอลไทย แต่ก็มีสิ่ง “ไม่ดี” ปรากฏออกมาด้วยอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะการ “ทะเลาะวิวาท” ทั้ง ที่เกิดในสนามและนอกสนาม ซึ่งในส่วนที่เกิดจากกองเชียร์นั้น หลายทีมก็พยายามที่จะควบคุมกองเชียร์ของตน มีการปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยของสนาม ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ควรทำ เป็นการยกระดับมาตร ฐานทั้งทีมและกองเชียร์ แต่ทั้งนี้ สิ่งไม่ดีที่เกิดขึ้นนั้น หลายกรณีจะโทษเฉพาะกองเชียร์ก็คงไม่ได้ หลายกรณี “มาตรฐานการตัดสิน” ก็เป็นปัญหา
ดังนั้น ที่ดีที่สุดคือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องพัฒนาและยกระดับมาตรฐานไปพร้อม ๆ กัน ไม่ใช่ต่างคนต่างเดิน เพราะมันก็จะเกิดปัญหา ดังที่เกิดขึ้นจริง ๆ อย่างที่เห็น ซึ่งเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เพื่อให้เกิดการพัฒนาได้จริง ๆ สิ่งสำคัญคือต้องสร้างศรัทธาขึ้นให้ได้ และอย่าให้การตลาดหรืออิทธิพลใด ๆ เข้ามามีส่วนได้เสียกับเกมมากเกินไป
“ต้องเป็นธรรม โปร่งใส ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดปัญหาซ้ำซาก แล้วกงล้อประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทยก็จะหมุนกลับสู่ความตกต่ำ ซึ่งแม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าเงินเป็นปัจจัยจำเป็น แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าการจะสร้างความเป็นตำนานนั้น เงินก็อาจไม่ใช่คำตอบทั้งหมดเหมือนกัน” ...เลขาฯ สมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลฯ ทิ้งท้าย
“ฟุตบอลไทย” สามารถ “จุดติด” อีกครั้ง...อย่างน่าสนใจ
แต่ก็ยังต้องลุ้น...ว่าจะ “ตกหล่ม-วูบดับ” อีกหรือเปล่า ??.
ที่มา: http://www.dailynews.co.th/
ป.ล.ขอแปลงร่างไปเชียร์เพื่อนบ้านหน่อยเด้อ
Empty- Admin
- จำนวนข้อความ : 276
Join date : 11/05/2009
: 65
Re: ปรากฎการบอลไทยฟีเวอร์
เข้ามา เสฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ รูป
กูไม่อ่านแล้วววววววววววววววววววววววววววววววววว
กูไม่อ่านแล้วววววววววววววววววววววววววววววววววว
fa-room- Admin
- จำนวนข้อความ : 166
Join date : 27/05/2009
Re: ปรากฎการบอลไทยฟีเวอร์
รอเรียบร้อยเมื่อไหร่มีอีกเยอะ เพราะกุไปถ่ายกับเค้าเกือบทุกคน อิอิredroom พิมพ์ว่า:เข้ามา เสฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ รูป
กูไม่อ่านแล้วววววววววววววววววววววววววววววววววว
Empty- Admin
- จำนวนข้อความ : 276
Join date : 11/05/2009
: 65
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|