บอลลีกภูมิภาคห้าม"อบจ."คุม หวั่นผิดกฎ"ฟีฟ่า"แต่ให้งบหนุนได้1จว.ส่งชิงชัย1ทีม

[Admin]

บอลลีกภูมิภาคห้าม"อบจ."คุม หวั่นผิดกฎ"ฟีฟ่า"แต่ให้งบหนุนได้1จว.ส่งชิงชัย1ทีม


“บังยี” นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้เป็นประธานการประชุมคณะทำงานการดำเนินการจัดการแข่งขันฟุตบอลอาชีพ ประจำปี 2553 ที่โรงแรมเรดิสัน เมื่อวันที่ 26 พ.ย. ซึ่งที่ประชุมได้มีมติแต่งตั้ง “บังมาด” นายสามารถ มะลูลีม อุปนายกสมาคมฯ เป็นประธานคณะทำงาน เพื่อร่างธรรมนูญควบ คุมระเบียบการแข่งขัน 3 รายการ คือ ไทยพรีเมียร์ลีก, ดิวิชั่น 1 และ ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 โดยให้นำข้อกำหนดของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) เช่น การมีสนามเป็นของตัวเอง, การจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเชิงพาณิชย์ รวมถึงการทำ “คลับ ไลเซนซิ่ง อะกรีเม้นท์” หรือ ใบอนุญาตของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) เพื่อนำมาใช้พิจารณาคุณสมบัติของสโมสรที่จะเข้าร่วมแข่งขัน แต่อาจมีการผ่อนผันตามระดับความสำคัญของลีก

ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขันฟุตบอลอาชีพ กล่าวว่า การให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เข้ามาบริหารทีมในลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 และ ระดับดิวิชั่น 1 เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ถือว่าผิดหลักเกณฑ์ของ “ฟีฟ่า” ที่มีข้อห้ามมิให้องค์กรทางการเมือง เข้ามาแทรกแซงการบริหารงานของสโมสรฟุตบอล และ อบจ.ก็เป็นองค์กรทางการเมือง แต่ถ้าหากจะให้งบประมาณสนับสนุนการทำทีมนั้น สามารถทำได้แน่นอน ซึ่งที่ประชุมก็เห็นด้วย และจะออกกฎข้อบังคับในเรื่องนี้ให้ชัดเจน

นายวรวีร์ กล่าวว่า ตอนนี้มีความคิดที่จะนำการแข่งขันทั้ง 3 ลีกมารวมอยู่ด้วยกัน และมอบหมายให้คณะกรรมการเพียงชุดเดียว ดูแลการจัดการแข่งขันทั้ง 3 ลีก หลังจากเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา มีการแยกการแข่งขัน “ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2” ออกมาตั้งเป็นคณะทำงานดูแลต่างหาก ส่วน “บิ๊กเปี๊ยก” นายองอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ กล่าวว่า ขณะนี้มีทีมสมัครเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอล “ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2” ในฤดูกาล 2010 มากกว่า 60 ทีมแล้ว แต่มีบางจังหวัดที่ส่งมากกว่า 1 ทีม จึงอยาก จะขอมติจากที่ประชุมให้สรุปว่า 1 จังหวัดควรจะส่งทีมเข้าแข่งขันได้กี่ทีม

ที่ประชุมได้ใช้เวลาในการถกปัญหานี้อยู่นาน ก่อนจะได้ข้อสรุปว่า จะอนุญาตให้แต่ละจังหวัดส่งทีมเข้าแข่งขันได้เพียงแค่ทีมเดียว ซึ่งต้องลงนามโดย “ผู้ว่าราชการจังหวัด” และผ่านความเห็นชอบจากสมาคม กีฬาจังหวัด ส่วนกรณีที่จังหวัดนั้นมีทีมที่อยู่ในระดับ ดิวิชั่น 1 อยู่แล้ว ก็ไม่สามารถส่งอีกทีมลงแข่งขันระดับ “ลีกภูมิ ภาค ดิวิชั่น 2” ได้ แต่หากมีทีมอยู่ในระดับ “ไทยพรีเมียร์ลีก” เช่น สมุทรสงคราม, ศรีสะเกษ, ชลบุรี ก็สามารถส่งทีมเข้าแข่งขันได้ โดยจะรับสมัครวันสุดท้าย คือ วันที่ 15 ธ.ค. รวมทั้งกำหนดให้มีการประชุมในวันที่ 4 ธ.ค. และ 21 ธ.ค. ก่อนจะให้ “ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2” เปิดฤดูกาล วันที่ 14 ก.พ. 53, “ดิวิชั่น” 1 เปิดฤดูกาล วันที่ 27 ก.พ. 53 และ “ไทยพรีเมียร์ลีก” เปิดฤดูกาล วันที่ 6 มี.ค. 53 ส่วนฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ถ้วย ก จะแข่งขันวันที่ 13 ก.พ.53 ระหว่าง “กิเลนผยอง” เมืองทองยูไนเต็ด กับ “สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือไทย.



[url=http://www.dailynews.co.th/newst ... amp;contentID=34382]http://www.dailynews.co.th/newst ... amp;contentID=34382[/url]

[Beadam]

อิอิ แล้วถ้าในบางจังหวัด(หลายๆ จังหวัดด้วย) นายกสมาคมกีฬาจังหวัด กับ นายก อบจ.เป็นคนคนเดียวกันล่ะ...บังยี... จะว่างัย... ที่เป็นแบบนี้ เพราะหวั่นการเมืองแทรกแซงใช่ไม๊ล่ะ... แล้ว ทำไม การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(เปลี่ยนเป็น บุรีรัมย์ PEA) กับ TTM สมุทรสาคร(เปลี่ยนเป็น TTM พิจิตร) โดนสองนักการเมืองใหญ่ (เนวินฯ กับ ใครอีกคนหนึ่งแล้วอ่ะ) งาบไปทั้งสองทีม ถึงไม่เล่นเขาด้วยล่ะ...ห้ามเขาด้วยสิ.... บังยี...
บังยี... ถึงว่า พักหลังนี้ ป้ายไล่ส่งบังออกจากสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ถึงเห็นได้ง่ายขึ้นทุกวัน...
ให้เป็นไปเหมือนเดิมก่อนไม่ดีกว่าเหรอ ไทยพรีเมียร์ลีก กับ ดิวิชั่น 1 ก็ให้ บริษัทบริหารจัดการรูปแบบอาชีพเต็มรูปแบบไป ส่วนดิวิชั่น 2 ก็เป็นกึงอาชีพเหมือนที่ผ่านมาเพื่อสร้างฐานให้เข้มแข็งก่อนดีกว่าไม๊... หรือพยายามรวบถึง ลีกภูมิภาคดิวิชั่น 2 ด้วยนี่ เป็นเพราะผลประโยชน์ ที่อาจจะได้จากการแย่งถ่ายทอดสด ของ TV หลายๆ ช่องเพราะกระแสบอลไทยฟีเวอร์ในปีที่ผ่านมาหรือป่าว...(คิดเอาเองน่ะ คิดต่างกับหลายๆ คนไม๊ ก็ไม่รู้อ่ะ)

[fa-room]

ตกลง เอาไง